วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2563

ดัสตาร์ข่าน (Dastarkhan)

ดัสตาร์ข่าน ( Dastarkhan )


          ในคาซัคสถานและเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในเอเชียกลางหรือประเทศที่เคยมีรากวัฒนธรรมแบบเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน การตอนรับแขกถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยหลักสำคัญของการรับแขกก็คือการแสดงความมีอัธยาศัยที่ดีต่อแขกนั้นเอง และสิ่งที่สามารถแสดงออกถึงท่าทีดังกล่าวได้ดีที่สุดก็คือ การเลี้ยงตอนรับแขก ซึ่งเรียกกันว่า ดัสตาร์ข่าน (Dastarkhan) ซึ่งตามรูปศัพท์จะหมายถึงโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ดัสตาร์ขานเป็นธรรมเนียมที่สามารถพบเห็นได้ในประเทศเอเชียกลางและประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมเอเชียกลาง เช่น อินเดีย อัฟกานิสถาน และปากีสถาน (ประเทศเหล่านี้เคยถูกปกครองโดยราชวงศ์โมกุล ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเอเชียกลาง และราชวงศ์อื่นจากเอเชียกลาง) โดยจะนิยมนำอาหารวางไว้จนแน่นโต๊ะ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเคารพที่มีต่อแขกและในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความมั่งคั่งของเจ้าบ้านอีกด้วย สำหรับอาหารที่จะนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามท้องที่ แต่ในตำหรับของคาซัคสถานนั้น ส่วนมากจะประกอบด้วย




ชูบัต (Shubat) เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของคาซัคสถาน ทำจากนมอูฐหมักจนเปรี้ยว มีสีขาวข้น


คูมิส (Kumiss) เป็นเครื่องดื่มประจำชาติของชาวคาซัคอีกประเภทหนึ่ง ทำจากนมม้าหมักจนเปรี้ยว โดยตามตำหรับคาซัคโบราณนั้น จะต้องหมักในถุงที่ทำจากหนังม้าแล้วนำไปแขวนไว้บนยอดกระโจมหรือไม่ก็แขวนไว้ข้างอานม้าและให้แรงควบของม้าช่วยเขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันจะหมักในถังไม้หรือถังพลาสติกแทน คูมิสจัดเป็นเครื่องดืมแอลกอฮอล์อ่อนๆ ประเภทหนึ่ง นิยมดื่มเย็นๆ โดยมักจะใส่ในถ้วยเล็กๆ เรียกว่า ปิยาละ (Piyala) ซึ่งมีลักษณะคล้านจานรองชาของญี่ปุ่น






กูตัป (Gutap) จะคล้ายๆ กับทอดมัน แต่ต่างกันตรงที่กูตัปจะทำเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสและยัดไส้ส่วนผสมของต้นหอมซอย พริกไทยป่น กระเทียม ผักชีฝรั่งซอย และผักชีลาวซอย รับประทานกับซอสที่ทำจากส่วนผสมของเนยหลน หอมซอย พริกไทยดำ น้ำสมสายชู และครีมเปรี้ยว


ซอร์ปา (Sorpa) เป็นน้ำซุปเนื้อแกะหรือเนื้อวัว โดยจะมีทั้งแบบน้ำใส ซึ่งไม่ผสมข้าว หรือผสมข้าวแต่น้อย และแบบน้ำขาวขุ่น ซึ่งใส่ข้าวเยอะมากจนดูเหมือนข้าวต้ม  ซึ่งในวิธีการทำนั้น จะต้องต้มและปรุงเนื้อพร้อมกับหอมหั่นและใบกระวาน จากนั้นค่อยใส่ข้าวตามลงไป



เบชบาร์มัก (Beshbarmak) ซึ่งถือเป็นอาหารพื้นเมืองคาซัคสถานที่เด่นมาก และเป็นอาหารจานหลักของดัสตาร์ข่านเลยก็ว่าได้ โดยจะเป็นเนื้อสัตว์ (เนื้อวัว เนื้อม้าก็ได้ แต่โดยมากจะเป็นเนื้อแกะ) ต้มหรือนึ่งวางบนกองเส้นก๋วยเตี๋ยว เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุป เบชบาร์มัก แปลตรงตัวว่า “นิ้วทั้งห้า” ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า จะต้องใช้มือรับประทาน และมักจะทำรับประทานกันในปริมาณมาก ทำให้ต้องใส่ในจานขนาดใหญ่ และตั้งไว้กลางโต๊ะ นอกจากนี้ อาหารจานนี้ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติเฉพาะในวัฒนธรรมคาซัคดั้งเดิมที่น่าสนใจก็คือ จะต้องเสิร์ฟพร้อมกับหัวแกะต้มในอีกจานต่างหาก โดยจะต้องรับประทานหัวแกะนี้ก่อนแล้วจึงค่อยรับประทานส่วนที่เป็นเนื้อล้วนๆ ที่วางอยู่อีกจานหนึ่ง และแขกจะเป็นคนตัดเนื้อส่วนต่างๆของหัวแกะแล้วแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นๆ


             อย่างไรก็ตาม ในบางตำหรับนั้น อาจจะใช้เนื้อแกะครึ่งตัวติดกระดูก หรืออาจจะเป็นเนื้อชิ้นใหญ่จากส่วนใดส่วนหนึ่งของแกะก็ได้ โดยจะต้องต้มทั้งชิ้นแบบไม่ตัดหรือสับ และแขกแต่ละคนจะได้รับชิ้นส่วนต่างๆกันของเนื้อแกะ โดยผู้อาวุโสจะได้รับส่วนที่มีเนื้อมากที่สุด ผู้ร่วมโต๊ะที่อาวุโสน้อยกว่าก็จะได้กระดูกขาและไหล่ติดเนื้อของแกะ วัยรุ่นหนุ่มสาวก็จะได้หูแกะเพราะเชื่อกันว่าเมื่อทานแล้วจะทำให้เป็นคนละเอียดรอบคอบ เด็กผู้หญิงจะได้กินเพดานปากแกะ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยให้มีความขยันหมั่นเพียร แขกที่เคารพที่สุดก็จะได้กินเนื้อส่วนขา หากมีเจ้าสาวร่วมวงด้วยเธอก็จะได้กินเนื้ออก ส่วนหญิงที่แต่งงานแล้วก็จะได้รับกระดูกคอติดเนื้อไปกิน ในขณะที่เด็กเล็กๆ ก็จะได้กินหัวใจและไตของแกะเชื่อกันว่าจะทำให้เด็กพวกนี้มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อห้ามอยู่บ้าง กล่าวคือ อย่าให้เด็กกินสมองแกะ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เป็นคนเหยาะแหยะ หากเป็นหญิงสาวก็ไม่ให้กินส่วนเป็นข้อเท้า เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีสิทธิเป็นสาวทึนทึกไร้คู่ครองได้






อีริมชิก (Irimshik) คือเนยแข็งตำหรับคาซัคสถาน ทำจากการหมักนมจนเปรี้ยวและตักเอาเฉพาะส่วนที่เป็นหัวนมไว้และนำมาปั้นเป็นก้อนกลม สามารถเก็บไว้กินได้นาน
น้ำชา ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในวัฒนธรรมของคาซัคสถาน โดยมักจะเป็นชาผสมนม หรือไม่ก็เป็นชาดำ ซึ่งต้องดื่มขณะที่ยังร้อน และจะเสิร์ฟในชามกลมตื้นขนาดเล็กและมีปากกว้าง เรียกว่า กาซีร์ (Kasir) นอกจากนี้ ปริมาณชาในชามก็จะต้องไม่เกินครึ่งชาม ซึ่งโดยมากจะนิยมใส่ชาประมาณ 1 ใน 4 ของชาม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อรักษาความร้อนของชา
             โดยมากแล้ว เมนูอาหารแทบทุกอย่างของชาวคาซัคมักจะนิยมรับประทานกับขนมปัง ที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นอาหารพื้นเมืองที่สามารถพบเห็นได้ง่ายและเป็นที่นิยมในประเทศคาซัคสถาน แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ประเทศนี้ไม่เคยปิดตัวเองจากโลกภายนอก แต่ได้ติดต่อกับดินแดนรอบข้างอยู่เป็นประจำ อีกทั้งภายในประเทศยังประกอบด้วยตัวผู้คนหลายเชื้อชาติ จึงทำให้วัฒนธรรมทางด้านอาหารนั้นมีความหลากหลายอย่างน่าสนใจเป็นอย่างมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ อดีตเมื่อครั้งยังผนวกอยู่ในสหภาพโซเวียตทำให้ชาวคาซัคได้รับเอาวัฒนธรรมอาหารของรัสเซียมาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการนิยมดื่มเหล้าวอดก้า การบริโภคปลา หรือแม้แต่การนิยมรับประทานอาหารรัสเซีย นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เรายังสามารถหาอาหารของชนชาติอื่นๆ รับประทานได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารของประเทศอาเชียกลางด้วยกัน อาหารจีน อาหารอาหรับ หรือแม้แต่อาหารเกาหลี
               สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้จากวัฒนธรรมอาหารดั้งเดิมของคาซัคสถาน ก็คือค่านิยมอันดีงามที่มีมาแต่เมื่อครั้งชาวคาซัคยังเป็นชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน ซึ่งค่านิยมดังกล่าวคือ ความมีอัธยาศัยและมิตรไม่ตรีอันดี รวมถึงความเคารพต่อแขกผู้มาเยือน และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่มีต่อญาติมิตรและคนในครอบครัว ดังจะเห็นจากธรรมเนียมดัสตาร์ข่านข้างต้น ที่เน้นการแบ่งอาหารให้กันและกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น